Google Shopping Mall พื้นที่ขายของที่มีจำกัด

Blog นี้ขอเขียนขึ้นมาเล่นๆแชร์มุมมองการทำธุรกิจออนไลน์ ด้วยความที่มีความคิดว่าจริงๆพื้นที่ขายของใน internet จริงๆมันก็มีจำกัดเหมือนกันนะ แล้วก็มีค่าเช่าที่ในการเปิดบริการอีกด้วย ซึ่งค่าเช่าที่ในความหมายนี้ไม่ใช่ hosting หรือ domain แต่เป็นการทำ SEO ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ก็ไม่ได้ถูกนัก หรือนอกจากว่าเราจะเลือก location (keyword) ที่ไม่เป็นที่นิยม ขายของเจาะ niche market และทำการตลาดแบบ viral marketing สำเร็จถึงจะมีค่าใช้จ่ายน้อยในการทำธุรกิจออนไลน์จริง
ตัวอย่าง : เมื่อเรามีการค้นหาคำในเชิง "จองห้องพัก" ก็จะมีเว็บดังๆขึ้นมาให้เราเลือกหลักๆไม่กี่เจ้า


เปรียบเทียบการซื้อขายบนโลกอินเตอร์เนท vs เดินห้าง
--ผู้ซื้อ--
หากเราลองดูการเลือกสินค้าและบริการบน search engine จริงๆมันก็เหมือนกับไปเดินช้อปปิ้งในห้างตรงที่เวลาเราเดินไปเจออะไรสวยๆน่าสนใจตั้งแต่ร้านแรกๆ ถ้าตกแต่งร้านดี ดูน่าเชื่อถือ ราคาสมเหตุสมผล เราก็เตรียมตัวควักเงินจ่ายได้เลย ไม่ต้องมาคอยเดินวนไปมาทั่วห้าง ให้เมื่อยและเสียเวลา เช่นเดียวกันกับเวลาค้นหาบน Google ซึ่งหาอะไรก็ตาม คนโดยมากก็จะไปไม่พ้นผลการค้นหาอันดับ 1-5 หรือ adwords ในหน้าแรกนั่นแหละ และที่เหล่านี้จะมีเหล่าเจ้าตลาดคุมพื้นที่ top rank 1-5 ไว้ตลอด เช่นเดียวกับในห้างที่จะมีการจองพื้นที่ให้กับร้านแบรนด์ดังๆไว้ก่อนเสมอ ถ้าเว็บไซต์ที่โผล่ขึ้นมาตกแต่งร้านดี ราคาโอเค เราก็ตกลงซื้อตั้งแต่เจ้าแรกๆไปเหมือนกัน แต่ถ้าเรามีเวลาหน่อย เดินเล่น(คลิกเม้าส์เล่น) ถามต่อราคา(ส่งเมลล์) หลายๆเจ้าก็จะช่วยให้เราสามารถได้ราคาที่ถูกลงกว่าเดิมได้

--ผู้ขาย--
ส่วนในมุมมองของเจ้าของที่นั้น การที่เราจะเอาของไปให้ลูกค้าเห็นได้ ก็ต้องมีหน้าร้านและที่ตั้งให้เห็นกันก่อน ซึ่งหลายๆครั้งในโลกอินเตอร์เนทเราก็มองว่าพื้นที่ตรงนี้มันฟรี ตกแต่งร้านถูกๆ จด domain เขียนเว็บ hosting อะไรเรียบร้อยก็จบ ค้นหากันแป๊บเดียวเจอ แต่จริงๆกว่าจะให้มีคนรู้จักได้ก็ต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ต่างกัน อย่างการตกแต่งหน้าร้าน ถ้าเราไม่ได้เก่งเขียนเว็บได้เองและคิดว่าสามารถหาจ้างถูกๆดีๆได้ก็ลองคิดดูใหม่นิดนึง เพราะการจ้างคนเขียนเว็บแย่ๆ จริงๆมันก็ไม่ต่างอะไรกับการจ้างช่างตกแต่งบ้านเราห่วยๆ ที่ทำออกมาแล้วบ้านอาจจะมีปัญหาท่อตัน สีลอก ไม่สวย ไม่ตรงเวลาได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับการจ้างคนเขียนโปรแกรมที่อาจจะเจอคนส่งงานไม่ตรงเวลา งานชุ่ย บั๊กเยอะ ฯลฯ (ถ้าเกิดใครมีประสบการณ์กับ freelance ถูกๆแย่ๆจะเข้าใจตรงนี้ดี) นอกจากนั้นถ้าอยากได้พื้นที่ทำเลเหมาะๆ คนผ่านไปมาเยอะๆ ก็อาจต้องเสียค่าต๋งให้แก่เหล่านักทำ SEO ที่จะมาปั่นบลัฟทาง search engine ให้เราขึ้นไปอันดับต้นๆเมื่อลูกค้าทำการค้นหาได้ และบอกได้เลยว่าค่าทำ SEO ตรงนี้ไม่ถูกเท่าไหร่นักนะครับและเป็นค่าใช้จ่ายที่เสียไปเรื่อยๆแม้เค้าจะปั่นให้ติดแล้วก็ตาม ไม่ใช่ว่าเสียเงินทำทีเดียวจบนะเออ (อันดับ Google สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา) แต่หากไม่ต้องการเสียค่าต๋งตรงนี้ก็สามารถเลือกเสียให้เจ้าของที่อย่างถูกต้องได้ เช่น การเสียให้ Google โดยตรงเป็น Adwords ไป 


และนั่นก็เป็นอะไรที่ผุดขึ้นมาในหัวคร่าวๆ และอยากจะเขียนแชร์กัน ฉะนั้นจริงๆแล้วตอนนี้ใครบอกว่าทำธุรกิจออนไลน์ประหยัดและมีพื้นที่วางขายไม่จำกัดล่ะก็ดูท่าทางมันจะไม่จริงซะเสียแล้วสิ แต่อย่างไรก็ดี พื้นที่ของห้าง Google นี้มันก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้น มันก็มีพื้นที่ใหญ่เพียงพอที่ยังเปิดโอกาสให้นักธุรกิจหน้าใหม่เข้ามาขุดทองได้อยู่ แต่ว่าต้องมีเทคนิคและความรู้อยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน อย่าคิดว่ามันง่าย เพราะอาจจะเจ็บตัวกลับมาไม่รู้ตัวครับ :D


บทความนี้เขียนขึ้นมาโดยความเข้าใจส่วนตัวและประสบการณ์ที่ได้รับมา จึงไม่มีบทความอ้างอิงใดๆนะครับ ผิดถูกอย่างไรก็เชิญแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่เลยครับ

Comments

  1. เปรียบเทียบ ชัดเจนดีครับ...เห็นภาพ

    ReplyDelete

Post a Comment

Popular posts from this blog

หมวกกันน็อคแอร์แบค หัวไม่เหม็น ผมไม่เสียทรง เลิกอับชื้นรา!!

วิธีลบข้อมูล autofill ใน textbox ของ Chrome

แก้ปัญหา Macbook เครื่องร้อน CPU 100% จาก Google Chrome Helper